อ่านคิดวิเคราะห์
อ่านคิดวิเคราะห์เเละเขียนสื่อความ
วิชาการงานอาชีพเเละเทคโนโลยี
ชื่อนางสาวศิรดา เลิศกันพงศ์ เลขที่ 6 ห้อง ม.5/2
เรื่อง ปัญญาประดิษฐ์

Acting rationally : กระทำอย่างมีเหตุผล เช่น agent สามารถกระทำอย่างมีเหตุผลคือ agent ที่กระทำการเพื่อบรรลุเป้าหมายที่ได้ตั้งไว้ เช่น agent ในเกมหมากรุกมีเป้าหมายว่าต้องเอาชนะคู่ต่อสู้ ต้องเลือกเดินหมากที่จะทำให้คู่ต่อสู้แพ้ให้ได้ เป็นต้น
ประโยชน์ของปัญญาประดิษฐ์
1.ข้อมูลจะถูกเก็บในลักษณะที่เป็นฐานความรู้ขององค์การพนักงานสามารถเข้าไป สืบค้นและหาคำตอบหรือหาคำปรึกษาได้ทุกเวลา
ประโยชน์ที่ได้รับจากเรื่องนี้ต่อตนเองเเละส่วนรวม
ต่อตนเอง นำพัฒนาผลงานด้านคอมพิวเตอร์ของตนเองขึ้นเรื่อยๆ เเละได้เรียนรู้เทคโนโลยีใหม่ๆที่สะดวกในการทำงานมากขึ้น
ต่อส่วนรวม
- ทางด้านการแพทย์
ปัญญาประดิษฐ์ ในภาษาอังกฤษเรียกว่า Artificial Intelligence มีคำย่อว่า AI เป็นความฉลาด ความรู้ที่สร้างขึ้นมาจากสิ่งที่ไม่มีชีวิต ซึ่งรวบรวมหลายๆสิ่งไว้ในสิ่งนั้น เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ให้สามารถคิดและเป็นผู้ช่วยในด้านต่างๆ อาทิเช่น ระบบนำทางรถยนต์ไร้คนขับ, ช่วยผู้อัจฉริยะในสมาร์ทโฟน
ความเป็นมาของปัญญาประดิษฐ์
ปัญญาประดิษฐ์ได้เริ่มการ ศึกษาในปี ค.ศ.1950 โดยอาจารย์จาก ประเทศอเมริกาและอังกฤษ นิยามของปัญญาประดิษฐ์ได้ถูกกำหนดขึ้นในปี 1956 โดย John McCarthy ได้มีการศึกษา และพัฒนางานด้านปัญญาประดิษฐ์และได้มีการตั้งเกณฑ์ทดสอบเพื่อที่จะระบุว่าเครื่องจักรกลหรือระบบคอมพิวเตอร์สามารถคิดได้เหมือนมนุษย์ออกมาโดย Alan Turing นักคณิตศาสตร์ชาวอังกฤษ แต่จนบัดนี้เครื่องจักรกลหรือระบบคอมพิวเตอร์ก็ยังไม่สามารถผ่านเกณฑ์ของ Alan Turing ได้เลย

นิยามปัญญาประดิษฐ์มีด้วยกัน 4 นิยาม ได้เเก่
Acting Humanly : การกระทำคล้ายมนุษย์ เช่น
- สื่อสารกับมนุษย์ได้ด้วยภาษาที่มนุษย์ใช้ เช่นภาษาอังกฤษเป็นการประมวลผลภาษาธรรมชาติ (natural language processing) อย่างหนึ่ง เช่น เพื่อน ๆ ใช้เสียงสั่งให้คอมพิวเตอร์พิมพ์เอกสารให้
-มีประสาทรับสัมผัสคล้ายมนุษย์ เช่นคอมพิวเตอร์วิทัศน์(computervision) คอมพิวเตอร์มองเห็น รับ ภาพได้โดยใช้อุปกรณ์รับสัญญาณภาพ (sensor)
- หุ่นยนต์ช่วยงานต่าง ๆ เช่น ดูดฝุ่น เคลื่อนย้ายสิ่งของ
- machine learning หรือคอมพิวเตอร์เกิดการเรียนรู้ได้ โดยสามาถตรวจจับรูปแบบการเกิดของเหตุการณ์ใด ๆ แล้วปรับตัวสู่สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้
-มีประสาทรับสัมผัสคล้ายมนุษย์ เช่นคอมพิวเตอร์วิทัศน์(computervision) คอมพิวเตอร์มองเห็น รับ ภาพได้โดยใช้อุปกรณ์รับสัญญาณภาพ (sensor)
- หุ่นยนต์ช่วยงานต่าง ๆ เช่น ดูดฝุ่น เคลื่อนย้ายสิ่งของ
- machine learning หรือคอมพิวเตอร์เกิดการเรียนรู้ได้ โดยสามาถตรวจจับรูปแบบการเกิดของเหตุการณ์ใด ๆ แล้วปรับตัวสู่สิ่งแวดล้อมที่เปลี่ยนไปได้
Thinking Humanly : การคิดคล้ายมนุษย์ ก่อนที่จะทำให้เครื่องคิดอย่างมนุษย์ได้ ต้องรู้ก่อนว่ามนุษย์มีกระบวนการคิดอย่างไร ซึ่งการวิเคราะห์ลักษณะการคิดของมนุษย์เป็นศาสตร์ด้าน cognitive science เช่น ศึกษาโครงสร้างสามมิติของเซลล์สมอง การแลกเปลี่ยนประจุไฟฟ้าระหว่างเซลล์สมอง วิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงทางเคมีไฟฟ้าในร่างกายระหว่างการคิด ซึ่งจนถึงปัจจุบันเราก็ยังไม่รู้แน่ชัดว่า มนุษย์เรา คิดได้อย่างไร
Thinking rationally : คิดอย่างมีเหตุผล หรือคิดถูกต้อง โดยใช้หลักตรรกศาสตร์ในการคิดหาคำตอบอย่างมีเหตุผล เช่น ระบบผู้เชี่ยวชาญ

ประโยชน์ของปัญญาประดิษฐ์
1.ข้อมูลจะถูกเก็บในลักษณะที่เป็นฐานความรู้ขององค์การพนักงานสามารถเข้าไป สืบค้นและหาคำตอบหรือหาคำปรึกษาได้ทุกเวลา
2.เพื่อความสามารถให้กับฐาน ความรู้ขององค์การด้วยการเสนอวิธีการ แก้ปัญหา สำหรับงานเฉพาะด้านซึ่งมี ปริมาณมากและมีความซับซ้อน มากเกินไปสำหรับมนุษย์
3. ช่วยทำงานในส่วนที่เป็นงานประจำหรืองานที่เบื่อหน่ายของมนุษย์
4.ช่วยสร้างกลไกที่ ไม่นำความรู้สึกส่วนตัวของมนุษย์มาเป็นองค์ประกอบ
ในการตัดสินใจ
เรื่องนี้บอกอะไรกับเรา ?
บอกให้ทราบถึงประวัติความเป็นมาของปัญญาประดิษฐ์ว่าเป็นใครประดิษฐ์ขึ้นมาเพื่ออะไรเเละตอบสนองต่อความต้องการของมนุษย์อย่างไร อีกทั้งยังทราบประโยชน์เเละโทษของปัญญาประดิษฐ์รวมถึงการนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิตประจำวัน
ทราบมุมมองเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ของคนทั่วไปเป็นภาพจินตนาการที่ฉายให้เห็นถึงความฉลาดล้ำของสิ่งประดิษฐ์ที่ไม่มีชีวิตในโลกอนาคตที่ดูประหนึ่งคล้ายจะมีชีวิต มีความรู้สึกนึกคิดเฉกเช่นเดียวกับมนุษย์ มีภาพยนตร์-นวนิยายหลายๆเรื่องที่สื่อสะท้อนให้เรานึกถึงนวัตกรรมที่ก้าวหน้าเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ประโยชน์ที่ได้รับจากเรื่องนี้ต่อตนเองเเละส่วนรวม
ต่อส่วนรวม
- ทางด้านการแพทย์
มีการนำแขนกลเข้าไปช่วยการผ่าตัด ซึ่ง สามารถทำงานได้ละเอียดกว่ามนุษย์มาก และข้อดีอีกประการคือการไม่มีความวิตกกังวล เกิดขึ้นในขณะทำงานอย่างเช่นในมนุษย์ที่อาจจะก่อให้เกิดความผิดพลาดในการทำงานได้ การใช้แขนกลช่วยในการผ่าตัด เป็นการทำงานที่มีความปลอดภัยสูง และอยู่ภายใต้ความดูแลของแพทย์จึงเป็นการร่วมงานกันอย่างดีเยี่ยมระหว่างคนกับเครื่องจักรกล
- ทางด้านงานวิจัย ในหลายงานวิจัย เริ่มมีการใช้ A.I. เข้ามาช่วยในการดำเนินงาน เช่นการสำรวจในบริเวณพื้นที่ทีมีความเสี่ยง อย่าง ปากปล่องภูเขาๆไฟ หรือในมหาสมุทรที่มีความลึกอย่างมากก็สามารถ สามารถใช้หุ่นยนต์สำรวจลงไปทำงานแทนได้ เพราะเครื่องจักรพวกนี้มีความทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่ดีกว่ามนุษย์มาก ทั้งยังสามารถเก็บข้อมูลได้ละเอียดและแม่นยำกว่ามนุษย์
- ทางด้านอุตสาหกรรม
เป็นการช่วยลดภาระทางต้นทุนการผลิตได้อย่างมาก ทั้งในงานบางประเภทที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายหรือมีความเสี่ยงสูง จนไม่ค่อยมีใครอยากทำก็สามารถใช้ หุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์มาทำงานแทนได้
- ทางด้านการบันเทิง มีการสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถตอบโต้กับมนุษย์ได้ เป็นสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น
เป็นการช่วยลดภาระทางต้นทุนการผลิตได้อย่างมาก ทั้งในงานบางประเภทที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายหรือมีความเสี่ยงสูง จนไม่ค่อยมีใครอยากทำก็สามารถใช้ หุ่นยนต์หรือปัญญาประดิษฐ์มาทำงานแทนได้
- ทางด้านการบันเทิง มีการสร้างหุ่นยนต์ที่สามารถตอบโต้กับมนุษย์ได้ เป็นสัตว์เลี้ยงเป็นเพื่อนเล่น
- ด้านทางการทหาร
A.I หรือปัญญาประดิษฐ์ในพวกนี้ถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็น เครื่องบินไร้คนขับ รถถังไร้คนขับ โดยมีจุดประสงค์หลักในทางด้านความมั่นคง
A.I หรือปัญญาประดิษฐ์ในพวกนี้ถูกนำมาประยุกต์ใช้เป็น เครื่องบินไร้คนขับ รถถังไร้คนขับ โดยมีจุดประสงค์หลักในทางด้านความมั่นคง
นำสิ่งที่ได้รับจากการอ่าานเรื่องนี้ไปใช้ในชีวิตจริงได้อย่างไร
AI ในปัจจุบัน
ในปัจจุบันหลายหน่วยงานพยายามส่งเสริมด้านการศึกษาค้นคว้าที่เกี่ยวข้องกับ AI อยู่หลายแห่ง หลายองค์กรจัดให้มีการแข่งขันเกี่ยวกับการเขียน AI อยู่เสมอ หรืออย่างที่เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆ อย่าง Robocode Thailand Contest 2009 ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นิสิตนักศึกษารวมทั้งประชาชนทั่วไปหันมาประลองความสามารถทางด้าน A.I. กัน
แม้ A.I. จะทำอะไรได้มากมายแต่หากเทียบกับจุดมุ่งหมายเดิมที่ต้องการสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่มีความรู้ความคิดเท่าทันมนุษย์แล้วนับได้ว่า A.I. ในปัจจุบันยังห่างไกลกับความซับซ้อนของระบบความคิดของมนุษย์พอสมควร แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย สิ่งที่ A.I. ยังขาดไปคือ จินตนาการ และแรงบันดานใจ ที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์เราทุกคนแล้วแต่จะมากน้อยแตกต่างกันไปตามวัยและประสบการณ์ รวมทั้งความรู้จักคิดรู้จักตั้งคำถาม หรือการพัฒนาองค์ความรู้จากประสบการณ์ ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ A.I. ยังไม่สามารถมีได้ทัดเทียมกับมนุษย์เรา แต่หากเปรียบเทียบกันในเรื่อง ความว่องไวแม่นยำในการคิดการประมวลผลแล้วแน่นอนว่า มนุษย์เราไม่สามารถทำได้เร็วเท่า ความว่องไวแม่นยำเป็นซึ่งเป็นจุดเด่นของ สมองกลอยู่แล้ว แถมซ้ำมนุษย์เรายิ่งแก่ก็ยิ่งหลงๆลืมๆ ไปตามวัย
ดังนั้นพอจะอนุมานได้ว่า A.I. เป็นตัวเสริมความรู้ของมนุษย์เราในด้านที่บกพร้องต่างๆ เป็นการเติมเต็มในบ้างสิ่งที่มนุษย์เราขาดหายไป หรือ หลงลืมไปในบางรายละเอียด ทั้งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ยังเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของมนุษย์ว่าจะสามารถพัฒนาสิ่งไม่มีชีวิตให้กลับมา เป็นสิ่งซึ่งมีความรู้สึกนึกคิดอย่างมนุษย์หรือเข้าใกล้มนุษย์ได้มากน้อย เพียงใด ล้วนเป็นคำถามที่น่าสงสัยและรอการไขสู่คำตอบอยู่ทุกเมื่อ
AI ในปัจจุบัน
ในปัจจุบันหลายหน่วยงานพยายามส่งเสริมด้านการศึกษาค้นคว้าที่เกี่ยวข้องกับ AI อยู่หลายแห่ง หลายองค์กรจัดให้มีการแข่งขันเกี่ยวกับการเขียน AI อยู่เสมอ หรืออย่างที่เพิ่งผ่านไปสดๆร้อนๆ อย่าง Robocode Thailand Contest 2009 ก็เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่ส่งเสริมให้นิสิตนักศึกษารวมทั้งประชาชนทั่วไปหันมาประลองความสามารถทางด้าน A.I. กัน
แม้ A.I. จะทำอะไรได้มากมายแต่หากเทียบกับจุดมุ่งหมายเดิมที่ต้องการสร้างสิ่งประดิษฐ์ที่มีความรู้ความคิดเท่าทันมนุษย์แล้วนับได้ว่า A.I. ในปัจจุบันยังห่างไกลกับความซับซ้อนของระบบความคิดของมนุษย์พอสมควร แต่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เอาเสียเลย สิ่งที่ A.I. ยังขาดไปคือ จินตนาการ และแรงบันดานใจ ที่มีอยู่ในตัวของมนุษย์เราทุกคนแล้วแต่จะมากน้อยแตกต่างกันไปตามวัยและประสบการณ์ รวมทั้งความรู้จักคิดรู้จักตั้งคำถาม หรือการพัฒนาองค์ความรู้จากประสบการณ์ ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ A.I. ยังไม่สามารถมีได้ทัดเทียมกับมนุษย์เรา แต่หากเปรียบเทียบกันในเรื่อง ความว่องไวแม่นยำในการคิดการประมวลผลแล้วแน่นอนว่า มนุษย์เราไม่สามารถทำได้เร็วเท่า ความว่องไวแม่นยำเป็นซึ่งเป็นจุดเด่นของ สมองกลอยู่แล้ว แถมซ้ำมนุษย์เรายิ่งแก่ก็ยิ่งหลงๆลืมๆ ไปตามวัย
ดังนั้นพอจะอนุมานได้ว่า A.I. เป็นตัวเสริมความรู้ของมนุษย์เราในด้านที่บกพร้องต่างๆ เป็นการเติมเต็มในบ้างสิ่งที่มนุษย์เราขาดหายไป หรือ หลงลืมไปในบางรายละเอียด ทั้งการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์ยังเป็นการพิสูจน์ศักยภาพของมนุษย์ว่าจะสามารถพัฒนาสิ่งไม่มีชีวิตให้กลับมา เป็นสิ่งซึ่งมีความรู้สึกนึกคิดอย่างมนุษย์หรือเข้าใกล้มนุษย์ได้มากน้อย เพียงใด ล้วนเป็นคำถามที่น่าสงสัยและรอการไขสู่คำตอบอยู่ทุกเมื่อ
- Facebook แทบจะทุกคนตื่นเช้ามาก่อนทำอื่นใดต้องดูฟีดข่าวของเฟสบุค เราเคยสงสัยบ้างไหมว่าทำไมเฟสบุ๊คถึงส่งเรื่องราวของคนโน้นคนนี้ให้เรา และแนะนำเพื่อนที่เราควรจะรู้จักให้เรา ส่งโฆษณาที่เราควรจะสนใจให้เรา สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นความสามารถของ ANI และมาร์ค ซัคเคอร์เบอร์ค ผู้ก่อตั้งเฟสบุ๊ค ยังได้สร้าง AI ควบคุมการทำงานในบ้านส่วนตัวของเขา เหมือนกับ JARVIS ของ โทนี่ สตาร์ค ในภาพยนต์ IRON MAN โครงการนี้ของมาร์ค ชื่อ Javis เช่นกัน โดย Javis มีความสามารถในการควบคุมสิ่งต่างๆในบ้าน เช่น ควบคุมอุปกรณ์เครื่องไฟฟ้าต่างๆ ในบ้าน คอยเตือนว่ามีสิ่งต่างๆเกิดขึ้นในห้องของ MAX ลูกชายของมาร์ค และยังสามารถเชิญแขกของมาร์คเข้ามาในบ้าน และเตือนมาร์คว่ามีแขกมาหา ทั้งหมดนี้ควบคุมด้วยเสีย โดย Javis จะใช้เสียงของ Morgan Freeman แทนตัวเอง ต่อไปคุณอาจจะเห็น Javis มาเล่นเฟสบุคก็ได้
- Search Engine กูเกิ้ล คิดอะไรไม่ออกถามอากู๋ กูเกิ้ลนับว่ามีความสำคัญเกือบจะเทียบเท่าปัจจัยที่ 4 เลยทีเดียว ท่านลองนึกดูนะถ้าเราไม่มีกูเกิ้ลเราจะทำงานยากแค่ไหน เอาง่ายสมมุตินะ เราต้องการหาโรงพยาบาลสักแห่งที่อยู่แถวๆรามคำแหง ถ้าไม่มีกูเกิ้ลเราจะถามใคร แล้วใช้เวลาเท่าไรกว่าเราจะรู้ว่ามีโรงพยาบาลอะไรบ้าง กูเกิ้ลรู้ได้อย่างไรว่าจะนำเสนอหน้าเพจไหนให้เรา และเพจไหนควรจะอยู่ลำดับไหนของการค้นหาในแต่ละคีย์เวิร์ด และการนำส่งโฆษณาของกูเกิ้ลอีก กูเกิ้ลรู้ได้อย่างไรว่าเรากำลังสนใจสินค้าตัวนั้น ล้วนแต่เป็นการเรียนรู้ของสมองกลของกูเกิ้ล ในปี 2009 กูเกิ้ลยังสร้างรถไร้คนขับ ชื่อ Waymo และทดลอง ขณะนี้ยังรถไร้คนขับทดสอบวิ่งไปแล้ว 2 ล้านไมล์ในทุกสภาพจราจร ไม่ใช่แค่กูเกิ้ลเท่านั้น Tesla ผู้ผลิตรถไฟฟ้าก็ได้ทดสอบรถยนต์ไร้คนขับของตัวเองในสภาพถนนต่างๆล่าสุดนำมาทดสอบในการจราจรคับคั่งแล้ว
- SIRI ของ Apple ใครที่ใช้โทรศัพท์ยอดนิยมไอโฟนของ Apple ย่อมต้องคุ้นเคยกับ SIRI ใครไม่เคยใช้อุปกรณ์ใดๆของแอปเปิ้ลอาจจะงง SIRI คือโปรแกรมคอมพิวเตอร์ที่คอยช่วยเหลือและทำตามคำสั่งเรา โดยเราจะออกคำสั่งโดยเสียง แล้ว SIRI จะพยายามค้นหาหรือแปลความหมายว่าเราต้องการอะไร หรือให้ทำอะไร ซึ่งโปรแกรมนี้ถูกฝังมาในระบบปฏิบัติการในอุปกรณ์ของแอปเปิ้ล เช่น โทรศัพท์ นาฬิกา ทีวีบ๊อก เป็นต้น
- Email Spam Filter โปรแกรมจะเรียนรู้และรู้ได้อย่างไร Email ตัวไหนเป็นสแปมและตัวไหนไม่ใช่สแปม

ทั้งหมดที่ยกมาข้างต้นเป็นเพียงตัวอย่างของการใช้เทคโนโลยี AI หรือปัญญาประดิษฐ์ที่เราใช้และพบเห็นอยู่เป็นประจำ ซึ่งยังมีอีกหลายๆอย่างและมากมายที่ใช้เทคโนโลยีนี้ เช่น การซื้อขายหลักทรัพย์ซึ่งหลายๆบริษัทใช้เทคโนโลยี AI เป็นเครื่องมือในการซื้อขาย หรืออย่างการควบคุมการบิน การใช้ auto pilot ของนักบินล้วนแล้วแต่เป็นเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ทั้งสิ้น แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นทั้งหมดก็ยังอยู่ในระดับ ANI เพียงแค่นั้น ณ ปัจจุบัน
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น